เราอาจจะเคยได้ยินว่า CPU ของ Apple พวกตระกูล M , Bionic ถูกผลิตโดยบริษัทสัญชาติไต้หวันชื่อ TSMC
แต่อาจจะไม่รู้ว่า AI Chips หรือ GPU ที่ใช้เพื่อเทรน AI ของยักษ์ใหญ่ในโลกเกือบทุกเจ้า
ไม่ว่าจะเป็น
- NVIDIA เช่น รุ่น H100 รุ่นนี้ขายให้ Meta และ Microsoft ไป 300,000 ตัว อีก 200,000 ตัวขายให้ Oracle ไป (Amazon, Tencent, Google ก็ซื้อไปคนละ 50,000 ตัว)
- Google's TPU ที่ Google ออกแบบใช้เองสำหรับ Google Cloud ต่างๆ
- Microsoft Azure Maia 100, Cobalt 100 ก็ผลิตโดย TSMC เหมือนกัน
- Amazon ที่เพิ่งเปิดตัวไป คือรุ่น Graviton4 และ Trainium2 ก็ผลิตโดย TSMC
- ชิป D1 ที่ใช้ใน แพลตฟอร์ม Super Computer ของ Tesla ที่ชื่อว่า Dojo ก็ให้ TSMC ผลิตเช่นกัน
TSMC ครอบครองส่วนแบ่งตลาด AI Chip เกินกว่า 60% ของโลก ยักษ์ใหญ่เกือบทุกเจ้าออกแบบชิปเอง แต่ให้ TSMC ผลิตให้
ทำไมอเมริกาถึงต้องกีดกันจีนด้าน AI ในทุกทาง
การกีดกันทางการค้าต่างๆที่อเมริกาทำกับจีน เช่น การแบนหัวเว่ย หรือการไม่ขาย AI Chip ให้บริษัทจีน จนต้องหันไปใช้บริการหัวเว่ยและ ZTE กันหมด
กลายเป็นการสร้างจุดแข็งให้จีนทางอ้อม เพราะบริษัทจีนที่ต้องใช้ AI Chip ไม่มีทางเลือกอื่นใด ต้องใช้บริษัทจีนด้วยกัน ทำให้เกิดการทุ่ม R&D ในด้านนี้หนักมาก
แม้เทคโนโลยีจะยังตามหลัง AI Chip ที่ออกแบบโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกา อย่าง NVIDIA, AMD แต่ก็ยังมีโอกาสไล่ตามได้อยู่
แค่ใช้เวลา ที่ยังไม่รู้ว่าเท่าไหร่
ถ้าจีนเปิดศึก ทำสงครามกับไต้หวันเมื่อไหร่ วงการ AI โลก สะเทือนทันที
แค่ยิงจรวดถล่มโรงงาน TSMC ให้หมด supply ด้านนี้ของฝั่งอเมริกาก็หดหายไปเยอะ
แม้ว่าจะยังมีกำลังการผลิตที่ยุโรป อิสราเอล ที่ยังพอพึ่งพาได้ และความพยายามไปตั้งโรงงานขนาดใหญ่บนแผ่นดินอเมริกาเอง
แต่ก็ยังถือว่าเป็นส่วนน้อย ขนาดเดินเครื่องการผลิตเต็มที่ AI Chip บางตัวยังต้องสั่งล่วงหน้าหลักปี
ตัวเลือกเบอร์รองๆ อย่าง Samsung จากเกาหลี จากยุคสมาร์ทโฟนที่เคยสูสี แต่ตอนนี้ กลายเป็นตามหลัง TSMC แบบห่างไกล (เป็นเบอร์ 2 ที่มี mkt share 12% ห่างจาก TSMC 5 เท่า)
ถ้าเราเข้าใจข้อนี้ ก็จะเข้าใจว่า นอกจากชานมไข่มุกของไต้หวันที่สำคัญมากแล้ว ยังมีกล่องดวงใจที่สำคัญด้านพัฒนา AI ที่สำคัญสุดๆของโลกอยู่ที่นั่น
ญี่ปุ่น ตามหลังยักษ์ใหญ่อย่างอเมริกา จีน หรือแม้แต่เกาหลี
เกมนี้ญี่ปุ่นแทบจะหลุดหายไปจากสารระบบผู้นำด้านเทคโนโลยี AI ของโลก เพราะคนทำซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่เป็นหัวใจหลักของ AI มีไม่พอ
รัฐบาลญี่ปุ่นจึงทุ่มงบประมาณกว่า 2 trillions เยน (13,200 ล้านดอลลาร์) ไปจับมือกับ NVIDIA และ TSMC เพื่อสร้างความร่วมมือระดับชาติ ให้มาตั้งโรงงาน สร้าง Ecosystem การผลิตชิปที่นั่น โดยดึงบริษัทญี่ปุ่น ชื่อ Rapidus มาร่วมด้วย
Rapidus นี่ไม่ธรรมดานะครับ NTT, SoftBank, NEC , ธนาคาร MUFG , Sony และ Toyota เป็นผู้สนับสนุนข้างหลัง
รัฐบาลญี่ปุ่นรู้ดีว่า ถ้าเกมนี้ ญี่ปุ่นตกขบวนไป ขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงสถานะการเป็นชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจยุคใหม่จะถดถอยลงอย่างมาก
ญี่ปุ่น จากอดีต เคยเป็นผู้นำ กลายต้องมาเป็นผู้ตามในอุตสาหกรรม Semi Conductor, Chipset, Monitor , Smart Phone , Personal Computer และกำลังจะเพลี่ยงพล้ำในอุตหกรรมรถยนต์ ให้กับรถ EV จากจีน
AI จึงเป็นอะไรที่ยอมไม่ได้เลย ญี่ปุ่นต้องรวมพลังสู้สุดชีวิต
เกาหลี เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ ทุ่มเงินทุนและ ทรัพยากรแบบ All-in ในเรื่อง AI
เราอาจจะรู้ว่า เกาหลี เป็น 1 ในผู้นำด้าน Soft Power ของโลก
แต่หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า เกาหลียังเป็น 1 ในประเทศผู้นำโลกด้าน AI เช่นกัน
เกาหลี ถูกจัด Global AI Index อันดับ 6 ของโลก และมีจำนวนสิทธิบัตรด้าน AI เยอะเป็นอันดับ 3 ของโลก
ตามหลังแค่สหรัฐอเมริกากับจีนเท่านั้น
บริษัทเทคโนโลยีในเกาหลี อย่าง LG, KT, Naver, Kakao, Samsung ต่างจับมือกันเต็มที่ เพื่อพัฒนาศักยภาพด้าน AI ไปแข่งขันระดับโลก
เดิมที เค้าทำไปเพื่อความอยู่รอดในโลกวันข้างหน้า เพราะรู้ว่า อนาคต โลกใบนี้กำลังแข่งขันและแพ้ชนะกันด้วยอะไร
การใช้โมเดลภาษา อย่าง GPT ไม่อาจช่วยให้ประเทศเค้า ได้เปรียบคนอื่นเท่าไหร่ เพราะมันเก่งอังกฤษ แต่อ่อนเกาหลี คนเกาหลีก็ขาด อาวุธดิจิทัลยุคใหม่ไว้ต่อสู้ในโลกยุคต่อไป
แต่ตอนนี้ ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว เพราะเกมที่เค้าเล่นอยู่ (ทั้งระดับนโยบายรัฐกับความร่วมมือกับเอกชน) คือ การเป็นผู้นำในด้าน AI ของโลก แม้ว่าจะมาทีหลังอเมริกากับจีน แต่กลับมีพัฒนาการที่รวดเร็วจนแซงหน้าญี่ปุ่นได้ (แน่นอน ญี่ปุ่นไม่ยอม ดังที่กล่าวไปแล้ว)
เกาหลีมีการทำ Hyperscale AI จากความร่วมมือของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในประเทศ
มีทำ AI Infratructure ตั้งแต่ Cloud AI, AI Chip & Semiconductor และต้องการผลักด้าน AI Infra เค้าให้เป็นผู้นำของโลก
เช่น KT (ชื่อเดิมคือ Korean Telecom) ก็ลงทุนในระบบ Cloud, AI Computing ในสเกลใหญ่ จะดันตัวเองขึ้นมาเป็นทางเลือกของ Amazon AWS และ Microsoft Azure
SK Telecom ก็เพิ่งประกาศ AI Pyramid Strategy หรือแผนการแข่งขันด้าน AI ในระดับโลกตั้งแต่การลงทุนด้าน Cloud , AI Semiconductor , พัฒนา LLM หรือโมเดลภาษาของตัวเอง ชื่อ A.X
แถมยังไปลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีด้าน AI ในอเมริกากว่า 7,200 ล้านดอลลาร์
หนึ่งในนััน คือ การลงทุนในบริษัท Anthropic คู่แข่ง OpenAI เป็นเงินกว่า 100 ล้านดอลลาร์ และมีการพัฒนาโมเดลภาษาร่วมกัน
และยังเตรียมยกระดับการดูทีวีสตรีมมิ่งของประเทศด้วย AI TV และ AI Curation ที่จะเลือกโปรแกรม รายการต่างๆ ให้คนดูแบบ personalized
AI ในเกาหลียังถูกนำไปใช้ ในเรื่อง Cultural analytics ที่ใช้ data มหาศาล (หนัง ละคร ดารา ภาพ และอื่นๆ) + AI และ Digital Image Processing เพื่อพัฒนาคอนเทนต์ไปแข่งกับฮอลลีวูด
ลงมาในสเกลเล็กลงหน่อย
เกาหลีมีบริษัท startup ด้าน AI กว่า 376 บริษัท ที่ระดมทุนมาสู้ในศึก AI นี้ ด้วยเม็ดเงินกว่า 12,500 ล้านดอลลาร์
นอกจากเอกชนแล้ว ภาครัฐก็ทุ่มมาทาง AI เต็มที่ เพราะมองว่า AI จะทำให้ตลาดแรงงานกระทบหนัก จากการถูก AI มาแทนที่
แต่ในขณะเดียวกัน AI ก็เข้ามาช่วยสร้างงานใหม่ๆเพิ่มขึ้น ในจำนวนพอๆกัน
แผน AI National Policy จึงถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจากตั้งแต่ปี 2019 ทั้งนโยบายส่งเสริมเอกชน ทั้งการลงทุนจากภาครัฐ ช่วยเรื่อง R&D และการพัฒนาทักษะคน
มีนโยบายสร้างเด็กรุ่นใหม่ ให้กลายเป็น digital talents 1 ล้านคน และเตรียม upskill ด้าน AI ให้คนทั้งชาติ ในทุกช่วงอายุอีก
จะเห็นได้ว่าประเทศเกาหลีมีความ aggressive มากๆ ในการแข่งขันด้าน AI ระดับโลก
เราคงจะได้เห็นพัฒนาการที่รวดเร็วในด้านต่างๆ ของเกาหลีรวมถึงด้าน Soft Power ที่ใช้ทั้ง AI ทั้ง Big Data ทัังทำ Cultural Analytics
และมีการเตรียมตัวสู่ยุค Human Augmented AI จริงจัง
In Conclusion
- บริษัทผลิตชิป อย่าง TSMC เป็นผู้ผลิตชิปสำหรับการทำงานด้าน AI ให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกที่ทำด้าน AI และ Cloud ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น NVIDIA, Google, Microsoft, Meta, Amazon, Tencent, Oracle, Tesla และ AMD
- 1 ในเหตุผลสำคัญที่สหรัฐอเมริกาต้องปกป้องไต้หวัน เพราะหัวใจสำคัญของ CPU, AI Chip ต่างๆ ล้วนขึ้นอยู่กับบริษัท TSMC ของไต้หวัน
- อเมริกาลงทุนกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ให้ TSMC ไปตั้งโรงงานใหม่ที่ Arizona เพื่อลดความเสี่ยง และ TSMC เองก็ลงทุนด้วยเม็ดเงินที่สูงกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ ในการขยายโรงงานการไปยังยุโรปและประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น
- TSMC เติบโตมาได้ เพราะ Apple จากผลิตชิป CPU ตระกูล Bionic และ M ซึ่งกลายเป็นอุปกรณ์จำนวนเกิน 1,000 ล้านเครื่อง TSMC อาศัยจุดนี้ สร้างความเติบโตจนแซงหน้า Samsung ซึ่งตอนนี้ตลาดชิปเซ็ตสมาร์ทโฟน TSMC ครองส่วนแบ่งกว่า 70% ไปแล้ว
- ญี่ปุ่นและเกาหลี เป็นชาติเอเชียที่เอาจริงเอาจังกับการพัฒนาด้าน AI โดยการระดมกำลังบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศมาร่วมมือกัน พร้อมการผลักด้านจากนโยบายภาครัฐอย่างเต็มที่