OpenAI จัดงานสำหรับนักพัฒนาครั้งแรกของตัวเอง ใช้ชื่อว่า OpenAI DevDay โดยงานนี้ ถูกจัดขึ้นในเมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา พร้อมกับการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจหลายอย่าง
1. GPT4-Turbo
- เป็นอัพเดทเวอร์ชั่นของ GPT4 ที่รองรับขนาดข้อมูล ที่ใหญ่ขึ้น โดยมี Context Length ความยาวถึง 128,000 tokens (เทียบได้กับหนังสือประมาณ 300 หน้า แซง Claude 2 ไปเลย
- อัพเดทความใหม่ของข้อมูล เดือน เมษายน 2023
- ฉลาดกว่า GPT4 แถมยังราคาถูกกว่าอีก
2. เปิด Multimodal API ให้ทุกคนใช้ DALL•E 3 , GPT4 Turbo และ Vision
- อันนี้เจ๋งตรงที่ แอปหลายตัวที่เป็นหน้ากาก GPT หรือพวก Chatbot ต่างๆ จะมีความสามารถเพิ่มไปอีกเยอะมาก สร้างรูปออกมาได้ ไม่ต่างจากการมาใช้งาน ChatGPT Plus แบบเสียเงินเลย
3. เปิดตัว Whisper เวอร์ชั่น 3 (Speech Recognition) และ TTS หรือ Text to Speech เวอร์ชั่นใหม่
- พัฒนาจนมีเสียงแบบธรรมชาติมากๆ และมีให้เลือกใช้งานได้ 6 เสียง ทั้งเสียงผู้ชายและผู้หญิง
- เตรียมเปิด API ให้ใช้เร็วๆนี้
4. Assistant API
- ให้นักพัฒนา สร้างผู้ช่วย (Assistant) สำหรับทำงานเฉพาะเจาะจง เช่น วิเคราะห์ข้อมูล เขียนโค้ด โดยใช้ Code Interpreter ได้แล้ว
- เดโมในงาน มีการทำเว็บท่องเที่ยว โชว์แผนที่ และ Assistant ช่วยแนะนำการท่องเที่ยวในสถานที่นั้น
- ฟังก์ชั่น Retrieval ดึงข้อมูลจากภายนอกเข้ามาใช้
- เปิด API ให้สามารถเอา AI Assistant ไปเชื่อมต่อกับแอปอื่นๆ และสร้างรูปแบบการทำงานแบบ automate ได้ง่ายขึ้น
5. CustomizeGPT
- OpenAI ให้ทุกคนสร้างและแชร์โมเดล GPT ของตัวเองสำหรับงานเฉพาะทางที่ต้องการได้ โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรมเป็นเลย ผ่านการใช้งาน GPT Builder
- ผู้ใช้ ChatGPT Plus ที่จ่ายเงิน ถึงจะใช้ GPT Builder ได้
- เรียกว่าเป็นการ democratize การพัฒนา AI ใครๆก็สร้าง AI ใช้งานได้แล้ว เป็นการเร่งพัฒนาการของโลก AI ให้ไวไปอีก
6. GPT Store
- OpenAI จะเปิดบริการ GPT Store ที่เป็นเหมือน Market Place คล้าย App Store และ Google Play ปลายเดือน พ.ย. นี้
- เพื่อให้ผู้ใช้งาน เอา Assistant กับ CustomizeGPT มาให้คนอื่นใช้ด้วย เหมือนทำแอปขาย
- จะเกิด AI App Economy แบบที่เคยเกิดมาแล้วในยุค App Store ของ Apple โอกาสทองของคนที่มีความรู้ด้าน AI จริงๆละ
6. ลดราคาการใช้งาน API ลงไป 3 เท่า
- อันนี้กราบงามๆ มีประโยชน์มากๆในแง่ราคา ต้นทุนของแอปที่ใช้ OpenAI GPT ต่างๆ จะถูกลงไปอีกแบบยกกระดานทั้งโลกเลย คนทั่วไปจ่ายเงินใช้ได้ในราคาที่เอื้อมถึง ไม่เปลืองมาก
- เพิ่ม Rate Limit เป็น 2 เท่า (2x token per minute) เพื่อรองรับปริมาณการใช้งานได้เยอะขึ้น
7. เปิดตัว ChatGPT for Enterprise
- เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
8. Microsoft Partnership
- ซีอีโอไมโครซอฟท์ Satya Nadella มาพูดเองเลยในงาน ตอกย้ำให้โลกรู้ว่า ไมโครซอฟท์จริงจังด้าน AI มาก พร้อมสนับสนุนพัฒนาการของวงการ AI ในทุกมิติ
- OpenAI ใช้ Azure Cloud และ Infra ในการเทรน ส่วน Microsoft ก็ได้เข้าถึงโมเดล GPT ต่างๆ นำมาใส่บริการของตัวเอง เรียกว่า Win-Win
- พูดถึงความร่วมมือกับ OpenAI ในการพัฒนา AGI (Artificial General Intelligence)
- ไมโครซอฟท์ลงทุนเพิ่มในการสร้าง Super Computer การอัพเกรดความสามารถและประสิทธิภาพของ Azure เพื่อรองรับการพัฒนาของ OpenAI
9. Copyright Shield
- OpenAI ต้องการให้ผู้ใช้งานรู้สึกปลอดภัย หายกังวล เวลาที่ใช้งาน ChatGPT และ Multimodals อื่นๆ อย่าง DALL•E 3 ในการทำงาน
- ในกรณีที่เกิดคดีความฟ้องร้องจากการใช้งาน ChatGPT และ Multimodals ต่างๆ ทาง OpenAI จะจ่ายค่าทนายและค่าดำเนินการต่างๆทางกฏหมายในการต่อสู้คดีความ
- Google , Microsoft และ IBM ก็มีโปรแกรมแบบนี้เพื่อปกป้องผู้ใช้งาน AI ของตัวเองเช่นกัน
- สำหรับผู้ใช้งาน ChatGPT for Enterprise เท่านั้น
บทสรุปและความเห็น
- ในภาพรวม OpenAI แสดงพัฒนาการต่างๆในรอบปี โดยการแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในโลก AI
- มีการเปิดให้นักพัฒนาทั่วโลกเข้ามามีบทบาท สร้างแอปด้าน AI ผ่านการเปิดให้ใช้งาน API หลัก อย่าง DALL•E 3 , GPT4 Turbo, Vision และ Assistant
- มี GPT Store จะทำให้เกิด App Economy ใหม่จากการพัฒนาด้าน AI อีกมากมาย อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในยุคที่ Apple เปิดให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึง API ต่างๆบนระบบปฏิบัติการ iOS จนมีแอปนับล้านๆตัว ตอบโจทย์การใช้งานในทุกด้านของชีวิต จนกลายเป็นหนึ่งในรายได้หลักของ Apple และนักพัฒนาทั่วโลก
- ปีหน้า AI จะแทรกซึมเข้าไปในทุกด้านของชีวิตเราแล้วจริงๆ